นี่คือคำถามของคนที่เคยไปดูดวงมาจากหมอดู และมักถูกแนะนำให้สวดมนต์เป็นประจำ จะดูกี่หมอก็ถูกแนะนำแบบนี้เช่นกัน แม้กระทั่งบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ยังให้ การยอมรับในเรื่องการสวดมนต์ว่ามีคุณประโยชน์อเนกอนันต์ แล้วทำไมหมอดูถึงต้องแนะ นำเช่นนั้นทุกครั้ง พอเจอบ่อยเข้าจึงเกิดเป็นคำถามคาใจมาตลอด ซึ่งผู้ถามก็ต้องยอมรับตนเองว่ามีความเชื่อในเรื่องแบบนี้ครึ่งๆกลางๆ เพราะขาดความรู้
นี่คือคำตอบทางทฤษฎีของวิชาโหราศาสตร์ จึงต้องอ้างเรื่องเกี่ยวกับดวงดาวมาตอบ ถ้าหมอดูท่านจะดูว่า ดวงชะตาไหนจะมีโชคลาภหรือมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต ท่านจะดูที่ดาวพฤหัสว่าจะมาให้คุณต่อดวงชะตาเมื่อไหร่ คือ โคจรมาทับ มาเล็ง ลัคนา ตนุลัคน์ ตนุเศษ หรือ จันทร์ในดวงชะตาเมื่อไหร่ แล้วจึงทำนายออกไป และถ้าดวงไม่ดี คือ นับอายุแล้วตกภพอริ มรณะ หรือ วินาส ในดวงเดิม หรือ นับอายุแล้ว ไปเจอดาวที่เป็นกาลีจรปีในดวงเดิมก็ได้เช่นกัน 
ในเชิงวิชา เลข ๗ ตัว หมอดูก็จะดูว่าในปีนั้นนับอายุย่างตกเรือนที่มีดาวพฤหัสครองอยู่หรือไม่ ถ้าในผังดวงชะตาเลข ๗ ตัว ดาวพฤหัสครองเรือนที่ดีอยู่แล้ว ในปีนั้นจะถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆเช่นกัน หากไม่ตกในเรือนของดาวพฤหัส ก็จะดูว่าในปีนั้น ดาวพฤหัสเป็นศรีจร ในดวงชะตาหรือไม่ หรือสัมพันธ์ถึงดาวพฤหัสหรือไม่ และถ้าดวงไม่ดี คือ นับอายุแล้วตกภพหินะ อริ มรณะ หรือ พยายะ ในดวงเดิม แล้วฐานรองรับนั้นเป็นดาวเสาร์ หรือ นับอายุแล้ว ไปเจอดาวที่เป็นกาลีจรปีในดวงเดิมก็ได้เช่นกัน นี่ก็เป็นทริคเล็กน้อย สำหรับหมอดู เผื่อจะเอาไปใช้ได้ 

เพราะดาวพฤหัส หมายถึง โชคลาภ บุญกุศล ความสำเร็จ พระ ฤาษี ครูบาอาจารย์ จึงเป็นที่มาของการแนะนำให้สวดมนต์ไงครับ และยิ่งไปกว่านั้น การสวดมนต์ถือว่าเป็นการสร้างบุญกุศลที่สามารถส่งพลังงานจากดวงชะตามาสู่การดำเนินชีวิตที่ดีอีกด้วย